ประกันชีวิต คือ การให้ความคุ้มครองชีวิตของผู้ทำประกันชีวิตจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด เมื่อผู้ทำประกันได้รับภัยที่เกิดขึ้นตามที่ระบุเอาไว้ในประกันชีวิต บริษัทจะจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้เอาประกันตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิต
ตัวอย่างเช่น การประสบอุบัติเหตุจนต้องเข้าโรงพยาบาล การเข้ารับการผ่าตัด สูญเสียอวัยวะจากอุบัติเหตุ โรคร้ายแรง ไปจนถึงการเสียชีวิต
ในทางกลับกันผู้ที่ ทำประกันชีวิต หรือ ผู้เอาประกัน ก็จะต้องจ่ายเงินให้บริษัทประกันเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ซึ่งเราจะเรียกค่าใช้จ่ายนั้นว่า “เบี้ยประกัน” โดยค่าเบี้ยประกันก็จะแตกต่างออกไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาของประกันชีวิตที่ทำ
ประกันชีวิตมีกี่แบบ?
ประกันชีวิต (Life Insurance) สามารถแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ คือ
- ประกันแบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance)
- ประกันชีวิตตลอดชีพ (Whole Life Insurance)
- ประกันสะสมทรัพย์ (Endowment Insurance)
- ประกันแบบเงินได้ประจำ (Annuities Insurance)
ถึงแม้ว่าประกันชีวิตจะทำหน้าที่หลักคือการคุ้มครองผู้เอาประกันตามที่ได้อธิบายด้านบน แต่ประกันชีวิตทั้ง 4 ประเภทจะต่างกันตรงที่เงื่อนไขในการคุ้มครอง มาดูกันว่าประกันชีวิตทั้ง 4 ประเภทต่างกันอย่างไร
ประกันแบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance)
ประกันแบบชั่วระยะเวลา คือ ประกันชีวิตที่จะจ่ายเงินตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ให้กับผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่นภายใน 1 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี
สำหรับประกันชีวิตในรูปแบบ ประกันแบบชั่วระยะเวลา หรือ Term Insurance คือ สัญญาประกันชีวิตที่คุ้มครองภัยจากการเสียชีวิตเท่านั้น ไม่มีการสะสมทรัพย์รวมอยู่ด้วยทำให้เมื่อกำหนดจะไม่มีการคืนเบี้ยประกันให้ผู้เอาประกัน
ตัวอย่างเช่น นาย A ซื้อประกันกับ บริษัท InsureThink โดยระบุว่านางสาว B คือผู้รับประโยชน์ ถ้านาย A ที่เป็นผู้เอาประกันเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด นางสาว B (ผู้รับประโยชน์) ก็จะได้รับเงินจากประกันชีวิต
ในทางกลับกันถ้าหากนาย A ยังไม่เสียชีวิตเมื่อครบระยะเวลาที่กำหนด นาย A ก็จะเสียเบี้ยประกันไปฟรีๆ
ประกันชีวิตตลอดชีพ (Whole Life Insurance)
ประกันชีวิตตลอดชีพ คือ ประกันชีวิตที่จะจ่ายเงินให้กับผู้รับประโยชน์ทันทีเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต แต่ถ้าหากว่าผู้เอาประกันมีชีวิตอยู่จนถึงอายุที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขประกัน บริษัทจะจ่ายเงินให้กับผู้เอาประกันตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
ประกันชีวิตตลอดชีพ (Whole Life Insurance) จะคล้ายกับประกันชีวิตแบบชั่วคราว แต่ไม่มีระยะเวลากำหนดและมีเงื่อนไขที่จะได้เงินถ้าหากว่าอายุถึงเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
ประกันสะสมทรัพย์ (Endowment Insurance)
ประกันสะสมทรัพย์ คือ ประกันชีวิตที่จะจ่ายเงินให้กับผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ถ้าหากว่าผู้เอาประกันยังมีชีวิตอยู่จนถึงอายุที่กำหนด บริษัทก็จะจ่ายเงินให้กับผู้เอาประกันตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
ประกันสะสมทรัพย์ (Endowment Insurance) จะคล้ายกับ ประกันชีวิตตลอดชีพ (Whole Life Insurance) แต่จะมีระยะเวลากำหนดสำหรับการเสียชีวิต
ประกันแบบเงินได้ประจำ (Annuities Insurance)
ประกันแบบเงินได้ประจำ คือ ประกันชีวิตที่บริษัทจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาให้กับผู้เอาประกัน ถ้าหากว่าผู้เอาประกันยังมีชีวิตอยู่ในวันที่ครบกำหนด จนกว่าจะครบระยะเวลาของสัญญา
โดยทั่วไป ประกันแบบเงินได้ประจำ (Annuities Insurance) มักจะจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้กับผู้เอาประกันเป็นรายปี
และจากการที่ประกันแบบเงินได้ประจำ หรือ Annuities Insurance ประกันชีวิตที่จ่ายเงินให้อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ประกันชีวิตแบบเงินได้ประจำเหมาะกับผู้ที่มีเป้าหมายเพื่อสะสมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ประกันชีวิต (Life Insurance) ทั้งสี่ประเภทที่ได้อธิบายเอาไว้ด้านบน เป็นรูปแบบประกันที่เป็นเหมือนพื้นฐานคร่าวๆ ของประกันชีวิต ซึ่งในความเป็นจริงประกันชีวิตเหล่านี้อาจจะมีเงื่อนไขบางส่วนที่แตกต่างกัน
ดังนั้น InsureThink แนะนำให้ทุกท่านศึกษารายละเอียดส่วนนี้เพิ่มเติม เพื่อประโยชน์สูงสุดของท่านเอง
นอกจากนี้ ประกันชีวิต (Life Insurance) ยังสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามลักษณะการรับประกันชีวิต สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับทั้งสามแบบได้ที่บทความ ประเภทของประกันชีวิต ประกันชีวิตมีกี่ประเภทและต่างกันอย่างไร